วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

นิทรรศการ ย้อนรอยอดีต...ปากน้ำโพ

๒๕ กันยายน ๒๕๕๖ นำนักเรียนเข้าชมนิทรรศการ ย้อนรอยอดีต...ปากน้ำโพ ที่ แฟรี่แลนด์ นครสวรรค์






วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

อึ้ง!นักเรียน-ครู-ผู้บริหารร.ร. สอบเขียนภาษาไทยตกกราวรูด



อึ้ง!นักเรียน-ครู-ผู้บริหารร.ร.  สอบเขียนภาษาไทยตกกราวรูด

ว่อนเน็ต! พบ นักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน สอบเขียนภาษาไทยตามคำบอก ความยากระดับชั้น ป.1ไม่ได้ จำนวนมาก

เครือข่ายออนไลน์แห่งหนึ่ง ได้เผยแพร่ ผลการสอบของ นักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน โดยให้เขียนภาษาไทยตามคำบอก พบ มีผลต่ำกว่าเกณฑ์จำนวนมาก โดยข้อสอบดังกล่าวได้ทำทดสอบ กรอบมาตรฐานการเขียนคำ  50 คำ ประกอบด้วยมาตรฐานแห่งความครอบคลุม คำที่มีพยัญชนะต้นอักษร 3 หมู่ คำที่ตรงมาตราทั้ง 9 แม่คำที่มีสระต่างๆ ไม่น้อยกว่า 20 สระ คำควบกล้ำและอักษรนำ และคำที่ผันเสียงอักษรทั้ง 3 หมู่

ผลที่ได้ คิดเป็น 50 คะแนน หากได้คะแนนต่ำกว่า 25 คะแนน ถือว่า ไม่ผ่านซึ่ง ผลจากการทดสอบบางโรงเรียน พบว่า นักเรียนจังหวัดภาคเหนือ ในโรงเรียนขนาดเล็ก ชั้น ป.2-3 ที่เข้าทดสอบ 27 คน ไม่มีผู้สอบผ่าน นักเรียนชั้น ป.4-6 นักเรียนที่เข้าทดสอบ 42 คน มีผู้สอบผ่านเพียง 2 คน โรงเรียนขนาดกลางบางแห่ง นักเรียน ป.4-6  เข้าทดสอบ 106 คน สอบผ่านเพียง 15 คน ม.1-3นักเรียนที่เข้าทดสอบ 88 คน สอบผ่านเพียง 29 คน รวมถึงโรงเรียนเอกชนขนาดเล็ก ก็มีผู้สอบผ่านในจำนวนที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน 

ทั้งนี้ ข้อสอบดังกล่าวได้ทดสอบให้ เขียนตามคำบอกชุดที่ 1 ประกอบด้วย : กาแฟ ทอผ้า มะลิลา สึนามิ อายิโนะ เตาะแตะ ฉอเลาะ เล้าไก่ เข้าถ้ำ ขยำขยี้ ปิงปอง โผงผาง ข้างล่าง ทุ่งนาแล้ง อึ่งอ่าง ไอโอดีน ปิ่นโต เส้นด้าย เล่นโขน ฟ้อนรำ ซุ่มซ่าม ยิ้มแย้ม อ่อนน้อม รอยเท้า กุ้งฝอย ผิวขาว แน่วแน่ ของฝาก ปึกแผ่น กุ๊กกิ๊ก ชอกช้ำ เจียระไน เผื่อแผ่ ด้ามมีด ฮึดสู้ โหดร้าย หุบเหว ตะเกียบ บ่ายเบี่ยง เลื่อนเวลา ทะเล่อทะล่า จดบันทึก ส้วมซึม กวยจั๊บ พริกเผ็ด ปลาบปลื้ม รื่นเริง หยิ่งผยอง เคลื่อนคล้อย สลักเสลา

ขณะที่ ผลการทดสอบครูและผู้บริหารสถานศึกษา ให้เขียนตามคำบอก โดยคัดเลือกคำ 20 คำ ให้ ครูและผู้บริหารสถานศึกษาทดสอบเขียนตามคำบอกบ้าง ก็ได้พบคำตอบที่น่าตกใจ คือ คำทดสอบเขียนตามคำบอกสำหรับครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่ประกอบด้วย : เปรี้ยง ปร้าง ครืดคราด ขี้เถ้าแกลบ เยิ่นเย้อ โขลกพริก หละหลวม ระลอกพลิ้ว เมื่อยล้า ต้วมเตี้ยม ทะนุถนอม กระหยิ่มยิ้มย่อง หลีกเร้น คลั่งไคล้ โสร่งปาเต๊ะ กระฉอกกระฉ่อน บ้องแบ๊ว ชะโงกง้ำ ระล่ำระลัก เลือนราง สล้างเสลา ... ผลการทดสอบภาคตะวันออก ครูสังกัดการปกครองท้องถิ่น จำนวนครูที่เข้าทดสอบ 15 คน, ผ่านเพียง8 คนครูสังกัดการปกครองท้องถิ่น เข้าทดสอบ 6 คน ผ่านเพียง 2 คน ครูในภาคกลาง สังกัด สำนักงานการประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดแห่งหนึ่ง เข้าทดสอบ 43 คน, ผ่าน 26 คน

นอกจากนี้ ครูสังกัด กทม. โรงเรียนแห่งหนึ่งเข้าทดสอบ 59 คน ผ่าน 43 คน ขณะ ที่พบอีกว่า ครูและผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชนในภาคใต้บางพื้นที่ เข้าทดสอบ 25 คน ผ่านการทดสอบเพียง 5 คนเท่านั้น

ที่ มาของข่าว : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 21 กันยายน 2556 - See more at: http://www.kruwandee.com/news-id7814.html#sthash.fKr6gOb8.jiDYG3kf.dpuf

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ข้อคิดดี ๆ จาก ดังตฤณ


Description: จากใจ บก ใก้ตัว
Description: dungtrin_avatarฉบับที่ ๑๐๕ ที่สุดของวันนี้
 
คุณจำเป็นต้องยอมรับว่าเมื่อวานดีที่สุดได้แค่นั้น แต่อาจปฏิเสธวันนี้ที่ยังไม่ดีได้เท่าที่สุดของความเป็นคุณ
คาถาป้องกันความเสียดายอดีตที่ดีมีอยู่บทหนึ่ง คือ "มันดีที่สุดของมันได้แค่นั้น"
    เพราะเรากลับไปทำอะไรให้ดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว ความเสียดายอดีต หากลากคุณมาหมกจมได้ทั้งวัน

ก็ทำวันนี้ให้สูญเปล่าอย่างน่าเสียดายไปอีกวัน โดยที่วันวานไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเลยจนนิดเดียว
คาถาเสกใจให้ดีขึ้นมีอยู่บทหนึ่  คือ "อย่าให้แย่ไปกว่านี้"
     ผู้ท่องคาถาอยู่ย่อมฉุกใจ  ไถ่ถามตัวเองว่า ที่กำลังเป็นอยู่มันแย่กว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่?
ชีวิตคุณเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ค่าความเป็นคุณมีอยู่แค่ไหน ไม่ใช่ความสำเร็จหรือล้มเหลวของเมื่อวาน
ไม่ใช่ความสุขหรือความทุกข์ในอดีต ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าเคยมีคนรักเลิศเลอหรือร้ายกาจ
แต่เป็นความสามารถที่จะทำอะไรสักอย่าง ให้สำเร็จตามความตั้งใจดีๆในวันนี้ต่างหาก
ดังตฤณ

อาหาร เมนูแปลก เมนู พวกนี้ คุณกล้ากิน กันหรือ ไม่

เมนู พวกนี้ คุณกล้ากิน กันหรือ ไม่

อาหาร เมนูแปลก ไม่ต้องตกใจไปมันไม่ใช่ของจริง อาหารสยอง เมนูนี้คือ ขนมปัง แต่ทำเลียนแบบให้เหมือนจริง น่ากลัว จนแทบหลอนแบบนี้มีใครกล้ากินไหมครับ

-
ขอขอบคุณ ภาพจาก www.postjung.com

นิติภูมิ นวรัตน์ ทำนายเอาไว้ จุดจบประเทศไทย



นิติภูมิ นวรัตน์ ทำนายจุดจบประเทศไทย มาเผยแพร่
ดังนี้ครับ


ปี   2553     จุดจบประเทศไทย
ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย  เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้
ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา .....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน
      สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่าประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ 
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม  หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์   การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออก เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำไยไทยก็จะปลูกแต่ลำไย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำไยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้  ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
 
   
เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย  รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น   น้ำมันก็แพงขึ้น  โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
    
เขาสามารถตั้งราคา   ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่าเขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น  ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา  คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของBig C, Lotus,
Carrefour, 
ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของKFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น   เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก  เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4
 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร  ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว  การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี   ตราด  ระยอง   ฉะเชิงเทรา  จะขอแยกตัวตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก  Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?
ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน big-c, lotus,
careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร
เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น  เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท  มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศคนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้  ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย ...เปลี่ยนไปได้มากพอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า  license ( ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิมันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3เดือน   ขนมต่างชาติ ห่อสวย   แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปีผมสอนแบบนี้  ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว 

ปล. ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน 

 ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=420687