วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

ความรู้สึกในวันนี้...คืนที่ทั้งชีวิตที่ไม่เคยเป็นแบบนี้


วันนี้เป็นวันที่บอกอะไรไม่ถูก ความรู้สึกที่แย่ ๆ เอามาก ๆ  เออ...นึกพิจารณาตัวเอง  ทั้งหมด อนิจจาสังขารา ทุกขัง  อนัตตา 
      มันก็ข่มไม่ลงเลย ปล่อยมันเถิดปล่อยให้ใจมันเป็นไปเถิด.....ใหมันเตลิดไปไหนก็ไป  มันจะไปสักเท่าไรเชียว...  แล้วเราคงดีขึ้น นะ
แล้วคืนนี้หละ...และคืนต่อ ๆ ไปหละ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

อิทธิบาท ๔ สำหรับคนมีความรัก



อิทธิบาท ๔ คือ

๑. ฉันทะ มีความพอใจในอารมณ์ที่เราต้องการ คือในกรรมฐานอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่งที่เราต้องการ พอใจ คือ จิตนึกถึงอยู่เสมอ เหมือนกับชายหนุ่มหญิงสาว ที่เริ่มรักกัน ก็นั่งนึกถึงกันอยู่ตลอดเวลา จะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ก็นึกอยู่ถึงกันได้เสมอ นี่ฉันทะ ความพอใจ
๒. วิริยะ ความเพียร ในเมื่อไม่มั่นใจว่าเขาจะรักเราแน่ ก็ต้องเพียรทำทุกอย่างเพื่อให้เขารัก และอยู่ไกลแสนไกลสักปานใดก็ตาม ก็ต้องเพียร เข้าถึงกันให้ได้ ข้อนี้ฉันใด การเจริญพระกรรมฐานก็เหมือนกัน เพราะกำลังใจเรากลับจากอารมณ์แห่งความชั่ว มาเป็นอารมณ์ของความดี มันก็ต้องต่อสู้
สมมุติ ว่าไอ้ความชั่วมันเข้ามาครองจิตอยู่ก่อน เราจะเอาความดีเข้ามาครองเมื่อภายหลัง ผู้ครองก่อนก็ต้องประกาศสงครามกัน เราก็ต้องใช้ความพยายามห้ำหั่นตัวร้ายที่ครองในจิตใจของเราให้พินาศไปให้ได้ นี่เป็นความเพียร เราจะไม่ยอมแพ้ วันนี้แพ้พรุ่งนี้สู้ใหม่ เวลานี้แพ้ เวลาหน้าสู้ใหม่ คำว่าแพ้หมายถึง การทรงกำลังใจ มันทรงไม่อยู่ก็แพ้ แพ้ก็เลิก ซ่านเกินไปก็เลิก เมื่ออารมณ์สบาย ตั้งท่าว่ากันใหม่ อย่างนี้ไม่ช้าไม่นานเท่าไร เราก็ชนะ
   
๓. จิตตะ เอาใจจดจ่ออยู่ในอารมณ์นั้นตลอดเวลาที่ตื่นอยู่ เห็นไหมล่ะ
๔. วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญว่าการปฏิบัติการใช้อารมณ์แบบนี้ ถูกต้องตามคำแนะนำของครูบาอาจารย์ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนแล้วหรือยัง ถ้าไม่ถูกต้องตามนั้นแสดงว่าใช้ไม่ได้ ต้องใช้หลัก ๔ ประการนี้คุมใจอยู่ตลอดเวลา ความจริงที่พูดไป ถามว่ายากไหม ผมไม่เห็นยากเลยถ้าเราเป็นคนเอาจริงเสียอย่าง ไม่มีอะไรจะยาก ไอ้คำว่ายากนี่ก็หมายความว่า กำลังใจไม่มีความจริง หาจริงไม่ได้ สักแต่ว่าทำผลุบ ๆ โผล่ ๆ นี่เป็นประเภทศรัทธาหัวเต่า ผลุบเข้าผลุบออกแบบนี้มันไม่ได้ ทำศาสนาเขาเสื่อมเสียด้วย

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

คนแห่กราบไหว้หลวงพ่อเพชร พระท้องแตก



คนแห่กราบไหว้หลวงพ่อเพชร พระท้องแตก-กรมศิลป์ชี้ไม่เก่าถึงยุคสุโขทัย อาจอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์


 จากกรณีชาวบ้าน ต่างแตกตื่นหลวงพ่อเพชร พระประธานวัดบ้านแก่งใต้ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ หลังช่างมาบูรณะองค์พระและพระอุโบสถ ก่อนพบบริเวณหน้าท้องพระประธานเกิดแตกหัก แล้วมีพระพักตร์พระพุทธรูปศิลาแลงทรงเครื่องสมัยสุโขทัยโผล่ออกมา สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็น ซึ่งคาดว่าเป็นหลวงพ่อเพชรองค์จริงที่ถูกสร้างครอบไว้ตั้งแต่ในสมัยกรุง ศรีอยุธยา ซึ่งกรมศิลปากรระบุเป็นแนวคิดของเจ้าอาวาสให้สร้างพระองค์ใหม่ครอบ หวังรักษาพระองค์เดิมที่ชำรุดเอาไว้ด้านในองค์พระ รอพิสูจน์อายุและความเก่าแก่ ตามที่เสนอไปนั้น

 ความ คืบหน้าวันที่ 8 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดบ้านแก่งใต้ ว่า ตลอดทั้งวันมีประชาชนจากทั่วสารทิศ กว่า 5,000 คน ทั้งในจ.อุตรดิตถ์ ต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ ทยอยเดินทางมาสักการบูชาหลวงพ่อเพชรอย่างเนืองแน่น มีการนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ขอพรและนำแผ่นทองมาปิดพระพักตร์พระพุทธรูป โผล่ออกมา บางคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับบูชาพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อเพชรขนาดต่างๆ นำกลับไปไว้บูชา ทำให้บรรยากาศภายในวัดยังคงเนืองแน่นเป็นวันที่สาม โดยทางวัดได้จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่อป.พร. เพื่อรักษาความปลอดภัย และจัดระเบียบประชาชนที่จะเข้าไปสักการะพระพุทธรูปภายในพระอุโบสถเนื่องจาก มีคนจำนวนมากเดินทางมา ส่งผลทำให้การจราจรบนถนนสายบ้านแก่ง-พิชัย ติดขัดมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา

 น.ส.ดวงกมล ยุทธเสรี ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (รามคำแหง) กรมศิลปากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเศียรพระที่โผล่ออกมา คาดว่าเป็นพระสมัยสุโขทัย พบเห็นเพียงพระพักต์ พระเศียร และเม็ดพระศกเส้นผมของพระพุทธรูป นอกเหนือจากนี้ถูกปูนพอกปิดเอาไว้ ทำให้การศึกษาดูยากลำบาก พระพุทธรูปที่เห็นไม่ใช่พระศิลาแลงทรงเครื่อง และยังสรุปไม่ได้ว่าเก่าแก่แค่ไหน สันนิษฐานได้ว่าเป็นพระพุทธรูปช่วงหลังสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับการก่อสร้างคาดว่าเป็นฝีมือช่างระดับท้องถิ่น ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่ามีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์อยู่ข้างในอีกชั้นหนึ่งนั้น ไม่สามารถสรุปผลได้เช่นกัน 

 �เท่าที่ได้พูดคุย กับทางคณะกรรมการวัดว่า ทราบว่าทางวัดจะยังไม่มีการโบกปูนปิดทับ เพื่อต้องการให้ญาติโยมได้มากราบไหว้สักการะ ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงงานกฐินของทางวัด และจะพยายามรักษาสภาพเดิมของพระพุทธรูปเอาไว้ให้คงเดิมที่สุด� น.ส.ดวงกมลกล่าว

 ด้านนายสฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง อาจารย์ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า หลวงพ่อเพชรที่ปูนกะเทาะจนเห็นพระพักตร์พระพุทธรูปโบราณนั้น ไม่น่าจะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง เพราะพระสมัยสุโขทัยจะไม่นิยมทำทรงเครื่อง และพระพักตร์ของพระพุทธรูปทรงเครื่องจะเป็นรูปไข่ดูงดงามกว่านี้ เห็นได้จากพระพุทธชินราช แต่พระพุทธรูปโบราณในท้องหลวงพ่อเพชรมีลักษณะแบบพื้นเมือง 

 สาเหตุ ที่มีพระโผล่กลางท้องหลวงพ่อเพชรนั้น ตนสันนิษฐานว่าเป็นพระองค์เดิมแล้วมีการก่อพอกสร้างองค์พระขึ้นมาใหม่ เพื่อรักษาของเก่าเท่านั้น คล้ายกับการสร้างเจดีย์เก่าแล้วสร้างพอกขึ้นมาใหม่ ซึ่งตามหลักโบราณคดีแล้วมีการพบลักษณะนี้ แต่คงไม่ใช่มีพระองค์ใหญ่แล้วนำองค์เล็กไปไว้ข้างในท้อง ทั้งนี้ สังเกตพระพักตร์ของพระพุทธรูปโบราณทั้งสององค์ มีความคล้ายกัน แต่องค์ใหญ่จะปั้นเลียนแบบและเป็นฝีมือแบบท้องถิ่น ถือเป็นแนวคิดของคนโบราณในการรักษาของเก่าที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
หนังสือพิมพ์ ข่าวสด วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2555
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME5EUXlPRGc0T0E9PQ

คําคมสอนใจ ไว้เป็นบทเรียน สร้างพลังใจ

 คําคมสอนใจ รวมเอา คําคมสอนใจ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคําคมของบุคคลสำคัญๆ ธรรมะ และคําคมสอนใจโดยทั่วๆไป ได้รวบรวมมาเพื่อไว้เป็นคติ บทเรียนชีวิต ในการดำเนินชีวิต รวมถึง คำสอนที่มาในรูปแบบคําคม เพื่อให้ทุกท่านได้คิด รวมทั้งคําคมสอนใจ ในการมุมานะ ทำงาน สร้างชีวิต ของตนเองให้ได้ดียิ่งๆขึ้นไป คําคมสอนใจ เหล่านี้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ แก่ทุกๆท่าน เป็นอย่างดี


  • ถ้าท่าน ไปตรงๆไม่ได้  ก็จงไป 'ทางอ้อม' และถ้าท่านไปข้างบนไม่ได้  ก็จงไปข้างล่าง อย่ายอมแพ้ง่ายๆ  เป็นอันขาด
  • ถ้าอยากจะ "ประสบความสำเร็จ" ต้องกล้าที่จะ "เปลี่ยนแปลง" ตัวเอง
  • ทางข้างหน้า 'ลางเลือน' เหมือนว่างเปล่า แดดจะเผาผิวผ่อง เธอหมองไหม้ ที่ตรงนั้นมีหุบเหว มีเปลวไฟ ถ้าอ่อนแอจะฝ่าไป อย่างไรกัน
  • จงฟังความรู้สึกของผู้พูด ไม่ใช่ 'คำพูด'
  • จุดที่ต่ำสุดของ 'ชีวิต' ที่ทุกคนมีโอกาส 'ประสบ'  ..เป็นได้ทั้ง 'จุดจบ' และ 'บทเรียน' ที่ดี
  • คนเราจะไม่ต้องใช้สมองเลย ถ้าพูดแต่ 'ความจริง'
  • ยิ่งบทเรียนยากขึ้น 'เท่าไหร่' ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่ง 'เก่งขึ้น' เท่านั้น
  • ถ้าคุณไม่ลอง 'ก้าว' จะไม่มีวันรู้เลยว่า 'ข้างหน้า' เป็นอย่างไร
  • อย่ากังวลกับสิ่ง ที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้ คำนึงถึง สิ่งที่ 'กำลังทำ'
  • หนทางยาวไกลนับ 'หมื่นลี้' ต้องเริ่มต้นด้วย 'ก้าวแรก' ก่อนเสมอ
คําคมสอนใจ


  • เหตุผลของ 'คนๆหนึ่ง'  อาจจะไม่ใช่เหตุผลของ 'คนอีกคนหนึ่ง'
  • แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาว 'ไม่เท่ากัน' นับประสาอะไรกับ 'ความยั่งยืนของชีวิต'
  • ทุกคนได้ยินในสิ่งที่ 'คุณพูด'  แต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณ 'ไม่ได้พูด'
  • ทุก 'หนึ่งนาที' ที่คุณใช้ไปในการ 'วางแผน' จะประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 'สามนาที' ในการปฎิบัติตามแผน
  • ถ้าคุณ ไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้เลยว่า ข้างหน้า เป็นอย่างไร
คําคมสอนใจ
คําคมสอนใจ

  • คนเรา เจ็บปวดครั้งแรก พอที่จะโทษคนอื่นได้  .. แต่เจ็บปวด ครั้งที่สอง มีแต่ "ต้องโทษตัวเอง"
  • ท้อแท้ได้ แต่อย่า "ท้อถอย"  ..อิจฉาได้แต่อย่า "ริษยา" พักได้แต่ "อย่าหยุด"
  • เพื่ออะไร 'กับการรอคอย' ที่ 'ไม่มีความหมาย'
  • เมื่อวาน 'ก็สายเกินแก้' พรุ่งนี้ 'ก็สายเกินไป'
  • แม้แต่นิ้วของคนเรา 'ยังยาวไม่เท่ากัน' นับประสาอะไรกับ 'ความยั่งยืนของชีวิต'
  • โลกใบนี้เต็มไปด้วย "ความมหัศจรรย์" ถ้าไม่ออกเดินทางก็ "ไม่มีวันค้นพบ"
  • ตึก ยังรู้พัง 'สตางค์' ยังรู้หมด แต่ 'ไมตรี' อันสวยสดไม่มีหมดเหมือนสตางค์
  • บางครั้ง เราก็เหมือน "คนตาบอด"  มีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้ คือ "การคลำทางเดินหน้าต่อไป"
  • บางสิ่งของชีวิต "ไม่จำเป็นต้องจำ" ถ้ามันทำให้เจ็บ, แต่บางสิ่งก็ควรจะเก็บ "ถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ"
  • คนฉลาด เรียนรู้จาก "ความผิดพลาดของผู้อื่น"
    คนโง่ เรียนรู้จาก     "ความผิดพลาดของตัวเอง"
  • หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่า
    "ปัญหานั้นเล็กนิดเดียว"
  • เราน่าจะ "เปลี่ยนปัญหากันได้" เพราะเรามักจะ "แก้ปัญหาของผู้อื่นได้"
  • อย่าเกลียด "น้ำตา" เพราะมันคือ "เพื่อนแท้",อย่าเกลียด "ความอ่อนแอ" เพียงเพราะมันไม่ใช่ "ความเข้มแข็ง"
  • มีแต่วันนี้ "ที่มีค่า"ไม่มีวันหน้า วันหลัง
คําคมสอนใจ
คําคมสอนใจ


  • ที่ที่ดีที่สุดที่จะพบ "มือที่พร้อมจะช่วยเหลือ คุณ"
    คือ ที่สุด "ปลายแขนของคุณเอง"
  • มีเพียงชีวิตที่ทำ "เพื่อคนอื่นเท่านั้น"ที่ควรค่าแก่การ "มีชีวิต"
  • ความเหงาเป็น "เพื่อนแท้"
    อ่อนแอเป็น "เพื่อนเก่า"
    ความเงียบก็ "เพื่อนเรา"
    ใจบางเบาคือ "เพื่อนตาย"
  • ความเห็นอกเห็นใจ
    คือ "กฎสำคัญ" ของ "ชีวิตมนุษย์"
  • คนที่ว่าคนอื่น "โง่" บุคคลนั้น "โง่ยิ่งกว่า"
    คนที่ว่าคนอื่น "ฉลาด" บุคคลนั้นคือ "ผู้ฉลาดอย่างแท้จริง"
  • ความโศรกเศร้า สามารถเยียวยาตัวเองได้ "โดยลำพัง"
    แต่การจะได้รับ ความเบิกบาน อย่างเต็มเปี่ยม
    จำเป็นต้องมี "ใครสักคน" มาแบ่งปัน
  • ทุกสิ่งในชีวิต โดยพื้นฐานแล้ว คือ "ของขวัญ"
    จงกางมือรับ "สิ่งนั้น" และ "ถือไว้"

 ที่มา โพสต์โดย rakjung.com
         http://www.rakjung.com/quip-no169.html

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยน

ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยน

"เหนื่อยไหมลูก" ทันที่ที่ฟังจบประโยค น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดระยะทางกลับบ้านก็ไหลพร่างพรู ดูราวกับเด็กน้อยขี้แย

          ยิ่งยามที่มือนั้นค่อย ๆ บรรจงลูบสัมผัสศีรษะน้อยๆ (ที่มีแต่เศษขี้เลื่อย) ไปมา นั่นยิ่งทำให้กำแพงน้ำตาพังทลายหมดสิ้น

          กว่าสามปีแล้วที่พ่อจากไปอย่างนิรันดร์ ฉันพยายามทำตัวและใจให้เข้มแข็ง แม้ที่จริงแล้ว ฉันนี่แหละอ่อนไหวที่สุดในบ้าน

          "ขอโทษ" ฉันกล่าวคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่น้ำตาก็ยังไม่ยอมหยุดไหล..ขอโทษกับความไม่เอาไหนที่มีมาตั้งแต่เล็กจนโต

แม่บีบมือแน่น บอกแต่เพียงว่า อย่าคิดอะไร ที่ ๆ อยู่แล้วไม่สบายใจก็ควรเดินก้าวออกมา

          ทั้ง ๆ ที่ลึกเข้าไปในดวงตาโรยราคู่นั้น จะแฝงความกังวลในอนาคตของฉันอยู่ไม่น้อย แต่น้ำเสียงอันอ่อนโยนเจือความเข้าใจนั้น กลับมีอานุภาพหลอมละลายก้อนความทุกข์ให้ทุเลาเบาบางลงได้

          ใครบางคนอาจเดินข้ามผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นมานานพอดูแล้วเฉกเช่นฉัน หากลองมองย้อนกลับไป    เราต่างก็เคยมีช่วงวัยที่เสาะแสวงหา ความรัก ความเข้าใจ จากผู้คนแปลกหน้า 
          ไม่ผิดอะไร เพราะนั่นเป็นวิถีแห่งปุถุชนคนธรรมดา
          แหละ ฉันเองก็เช่นกัน..ในโมงยามที่ต้องเดินฝ่าความมืดมิดเพียงลำพัง พยายามไขว่คว้าหามือใครสักคนร่วมเดินเคียงกัน กลับพบเพียงความว่างเปล่า จนเกือบจะหยุดเดินต่อ ถ้าไม่มีสองมือที่เคยคุ้น และแววตาอันอบอุ่นช่วยประคับประคองไว้ทัน
          กับวันนี้ วันที่เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังมองไม่เห็นทางออก แต่ความกลัวที่จะไปต่อ ไม่มีอีกแล้ว..

          ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยนคู่นั้น..
          ขอบคุณค่ะแม่ สัญญาว่าจะเข้มแข็งขึ้นค่ะ สัญญา

ขอบคุณ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=236985