วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

อิทธิบาท ๔ สำหรับคนมีความรัก



อิทธิบาท ๔ คือ

๑. ฉันทะ มีความพอใจในอารมณ์ที่เราต้องการ คือในกรรมฐานอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่งที่เราต้องการ พอใจ คือ จิตนึกถึงอยู่เสมอ เหมือนกับชายหนุ่มหญิงสาว ที่เริ่มรักกัน ก็นั่งนึกถึงกันอยู่ตลอดเวลา จะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ก็นึกอยู่ถึงกันได้เสมอ นี่ฉันทะ ความพอใจ
๒. วิริยะ ความเพียร ในเมื่อไม่มั่นใจว่าเขาจะรักเราแน่ ก็ต้องเพียรทำทุกอย่างเพื่อให้เขารัก และอยู่ไกลแสนไกลสักปานใดก็ตาม ก็ต้องเพียร เข้าถึงกันให้ได้ ข้อนี้ฉันใด การเจริญพระกรรมฐานก็เหมือนกัน เพราะกำลังใจเรากลับจากอารมณ์แห่งความชั่ว มาเป็นอารมณ์ของความดี มันก็ต้องต่อสู้
สมมุติ ว่าไอ้ความชั่วมันเข้ามาครองจิตอยู่ก่อน เราจะเอาความดีเข้ามาครองเมื่อภายหลัง ผู้ครองก่อนก็ต้องประกาศสงครามกัน เราก็ต้องใช้ความพยายามห้ำหั่นตัวร้ายที่ครองในจิตใจของเราให้พินาศไปให้ได้ นี่เป็นความเพียร เราจะไม่ยอมแพ้ วันนี้แพ้พรุ่งนี้สู้ใหม่ เวลานี้แพ้ เวลาหน้าสู้ใหม่ คำว่าแพ้หมายถึง การทรงกำลังใจ มันทรงไม่อยู่ก็แพ้ แพ้ก็เลิก ซ่านเกินไปก็เลิก เมื่ออารมณ์สบาย ตั้งท่าว่ากันใหม่ อย่างนี้ไม่ช้าไม่นานเท่าไร เราก็ชนะ
   
๓. จิตตะ เอาใจจดจ่ออยู่ในอารมณ์นั้นตลอดเวลาที่ตื่นอยู่ เห็นไหมล่ะ
๔. วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญว่าการปฏิบัติการใช้อารมณ์แบบนี้ ถูกต้องตามคำแนะนำของครูบาอาจารย์ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนแล้วหรือยัง ถ้าไม่ถูกต้องตามนั้นแสดงว่าใช้ไม่ได้ ต้องใช้หลัก ๔ ประการนี้คุมใจอยู่ตลอดเวลา ความจริงที่พูดไป ถามว่ายากไหม ผมไม่เห็นยากเลยถ้าเราเป็นคนเอาจริงเสียอย่าง ไม่มีอะไรจะยาก ไอ้คำว่ายากนี่ก็หมายความว่า กำลังใจไม่มีความจริง หาจริงไม่ได้ สักแต่ว่าทำผลุบ ๆ โผล่ ๆ นี่เป็นประเภทศรัทธาหัวเต่า ผลุบเข้าผลุบออกแบบนี้มันไม่ได้ ทำศาสนาเขาเสื่อมเสียด้วย