วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยน

ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยน

"เหนื่อยไหมลูก" ทันที่ที่ฟังจบประโยค น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดระยะทางกลับบ้านก็ไหลพร่างพรู ดูราวกับเด็กน้อยขี้แย

          ยิ่งยามที่มือนั้นค่อย ๆ บรรจงลูบสัมผัสศีรษะน้อยๆ (ที่มีแต่เศษขี้เลื่อย) ไปมา นั่นยิ่งทำให้กำแพงน้ำตาพังทลายหมดสิ้น

          กว่าสามปีแล้วที่พ่อจากไปอย่างนิรันดร์ ฉันพยายามทำตัวและใจให้เข้มแข็ง แม้ที่จริงแล้ว ฉันนี่แหละอ่อนไหวที่สุดในบ้าน

          "ขอโทษ" ฉันกล่าวคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่น้ำตาก็ยังไม่ยอมหยุดไหล..ขอโทษกับความไม่เอาไหนที่มีมาตั้งแต่เล็กจนโต

แม่บีบมือแน่น บอกแต่เพียงว่า อย่าคิดอะไร ที่ ๆ อยู่แล้วไม่สบายใจก็ควรเดินก้าวออกมา

          ทั้ง ๆ ที่ลึกเข้าไปในดวงตาโรยราคู่นั้น จะแฝงความกังวลในอนาคตของฉันอยู่ไม่น้อย แต่น้ำเสียงอันอ่อนโยนเจือความเข้าใจนั้น กลับมีอานุภาพหลอมละลายก้อนความทุกข์ให้ทุเลาเบาบางลงได้

          ใครบางคนอาจเดินข้ามผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นมานานพอดูแล้วเฉกเช่นฉัน หากลองมองย้อนกลับไป    เราต่างก็เคยมีช่วงวัยที่เสาะแสวงหา ความรัก ความเข้าใจ จากผู้คนแปลกหน้า 
          ไม่ผิดอะไร เพราะนั่นเป็นวิถีแห่งปุถุชนคนธรรมดา
          แหละ ฉันเองก็เช่นกัน..ในโมงยามที่ต้องเดินฝ่าความมืดมิดเพียงลำพัง พยายามไขว่คว้าหามือใครสักคนร่วมเดินเคียงกัน กลับพบเพียงความว่างเปล่า จนเกือบจะหยุดเดินต่อ ถ้าไม่มีสองมือที่เคยคุ้น และแววตาอันอบอุ่นช่วยประคับประคองไว้ทัน
          กับวันนี้ วันที่เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังมองไม่เห็นทางออก แต่ความกลัวที่จะไปต่อ ไม่มีอีกแล้ว..

          ขอบคุณสองมือธรรมดา กับดวงตาอันอ่อนโยนคู่นั้น..
          ขอบคุณค่ะแม่ สัญญาว่าจะเข้มแข็งขึ้นค่ะ สัญญา

ขอบคุณ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=236985